แผนการสอน Assure Model วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปทรงเรขาคณิตสามมิติ

แผนการสอน Assure Model วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปทรงเรขาคณิตสามมิติ

1. Analyze Learner Characteristics (วิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน)
          กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เป็นกลุ่มสาระที่นักเรียนทุกระดับชั้นจำเป็นจะต้องเรียน เนื่องจากเป็นวิชาที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ถ้าใครเป็นครูหรืออาจารย์สอนคณิตศาสตร์ มักจะมีลูกศิษย์ตั้งคำถามนี้เสมอ “ เรียนคณิตศาสตร์ไปทำไม ’’ หรือ “ เรียนตรีโกณมิติไปจ่ายตลาดได้หรือ ’’ หลายคนยังคงสงสัยว่า ไม่เห็นต้องเรียนคณิตศาสตร์ให้ยากเลย แค่ บวก ลบ คูณ หารจำนวนก็มีเครื่องคิดเลขใช้แล้ว หารู้ไม่ว่า สิ่งที่อยู่รอบตัวเราไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ บ้าน รถยนต์ ฯลฯ หรือแม้แต่ธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเราล้วนมี คณิตศาสตร์เข้าไปเกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้น ดังนั้นการเรียนรู้คณิตศาสตร์จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญคือต้องเรียนเพื่อเอาไปใช้ในชั้นสูงต่อไป ประโยชน์ของคณิตศาสตร์มักจะแฝงอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น จะทำให้เราเป็นคนฝึกคิด เพิ่มทักษะในการใช้สมองซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสติปัญญา อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าประโยชน์ของการเรียนคณิตศาสตร์นั้น ไม่ได้มองเห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนนักแต่สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้นั้นจะทำให้ผู้เรียนเป็นบุคคลที่มีศักยภาพโดยไม่รู้ตัว คณิตศาสตร์คือหนึ่งในแรงขับเคลื่อนของสังคม นวัตกรรม เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ก่อให้เกิดการทดลองที่เป็นรูปธรรม หรือเข้าใจง่ายๆคือ คณิตช่วยให้งานวิทยาศาสตร์ทำงานได้ง่ายขึ้น แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เจ้าของทฤษฎีสัมพัทธภาพ ยังใช้คณิตศาสตร์ที่รีมันม์คิดไว้เมื่อหลายปีก่อนมาประยุกต์ใช้เพื่ออธิบายทฤษฎีสัมพัทธภาพ แสดงให้เห็นว่าเรื่องบางเรื่องอาจจะตอบไม่ได้ว่ามีประโยชน์อะไรในวันนี้ และไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม แต่วันข้างหน้าคนที่นำไปใช้คงจะให้คำตอบได้ดีที่สุด
          ซึ่งโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนสหขนาดใหญ่ สอนในระดับทุกช่วงชั้นตั้งแต่ ช่วงชั้นที่ 1 ถึง ช่วงชั้นที่ 4 โดยในที่นี้เราจะสอนอยู่ในระดับมัธยมต้น ซึ่งเด็กจะมีอายุเฉลี่ย 13 – 15 ปี โดยนักเรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่มาจากสังคมผู้ปกครองที่มีฐานะปานกลางถึงร่ำรวย จึงทำให้นักเรียนมีหลากหลายบุคลิกภาพในแต่ละกลุ่ม และมีความรู้ความสามารถพื้นฐานแตกต่างกัน บางคนสูงกว่าเกณฑ์ บางคนก็อยู่ในระดับที่ยังไม่เป็นที่พึงปรารถนา จึงทำให้การเรียนการสอนต้องจัดไปในแนวทางหลากหลายรูปแบบเพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. State Objectives (กำหนดวัตถุประสงค์)
พุทธพิสัย (Knowledge)
- เพื่อให้นักเรียนบอกและเขียนภาพของรูปเรขาคณิตสามมิติที่กำหนดให้ได้
- เพื่อให้นักเรียนบอกและเขียนภาพของรูปเรขาคณิตสามมิติที่แสดงลักษณะของสิ่งที่กำหนดให้ได้

           ทักษะพิสัย (Process)
- นักเรียนสามารถให้เหตุประกอบการตัดสินใจและสรุปผลได้อย่างเหมาะสม

           จิตพิสัย (Attitude)
-          นักเรียนทำกิจกรรมได้สำเร็จตามเวลาที่กำหนด
-          นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมชั้นเรียน
-          นักเรียนมีความกล้าแสดงออก

3. Select (เลือก , ดัดแปลง , ออกแบบสื่อ)
         
          3.1 เลือกสื่อที่เป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้ ซึ่งรูปเรขาคณิตสามมติ สามารถให้นักเรียนจับต้องได้ ซึ่งการจับต้องได้นั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำให้นักเรียนเกิดการจดจำได้ดี โดยสื่อรูปธรรมของรูปเรขาคณิตสามมิติจะประกอบไปด้วย ปริซึมฐานต่างๆ ทรงกระบอก พีระมิดฐานต่างๆ ทรงกรวย และทรงกลม
         
3.2 จากที่ได้ศึกษามา มีอยู่โปรแกรมหนึ่งชื่อว่า The Geometer’s Sketchpad หรือเรียกสั้น ๆ ว่า สเกตช์แพด หรือ จีเอสพี (อังกฤษ: GSP) เป็นซอฟต์แวร์เรขาคณิตที่เป็นที่นิยมในเชิงพาณิชย์ ใช้สำหรับการสำรวจ เรขาคณิตแบบยูคลิด พีชคณิต แคลคูลัส และคณิตศาสตร์สาขาอื่น ๆ และสามารถสร้างรูปทรงตามๆตามต้องการได้ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ดีในการนำมาสร้างสื่อการเรียนการสอนเรื่องของรูปเรขาคณิตสามมิติได้เป็นอย่างดี
          3.3 ได้วางแผนจัดทำสื่อขึ้นมาใหม่ โดยอยากจะทำสื่อที่เป็นรูปธรรมของรูปเรขาคณิตสามมิติ ซึ่งสามารถคลี่ออกมาได้ เพื่อใช้ในการเรียนการสอนในเรื่องของรูปคลี่ได้ต่อไป โดยอาจจะต้องใช้งบประมาณอยู่พอสมควรในการจัดทำสื่อเหล่านี้ เนื่องจากว่าต้องการความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้ได้หลายๆรุ่น จึงต้องสั่งทำจากบริษัทที่รับทำ ซึ่งน่าจะมีราคาสูงมาก

4. Utilize Materials (ใช้สื่อ)
          4.1 ศึกษาสื่อนั้นๆ ก่อนเป็นการเตรียมตัว
                   ครูทำการตรวจสอบสื่อที่จะใช้ในการสอนก่อนนำสื่อการเรียนการสอนใดมาใช้ และต้องมีการตรวจสอบเนื้อหาว่าตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และทดลองใช้ดูว่ามีปัญหาหรือไม่ ถ้ามีจะได้แก้ไขปรับปรุงได้ทัน โดยจะประกอบไปด้วยสื่อที่เป็นของจริง และสื่อที่สร้างจากโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad โดยครูจะให้นักเรียน จับสื่อจริงเพื่อสร้างความคุ้นเคยและศึกษารูปแบบของรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดต่างๆ จากนั้น ก็เริ่มเข้าสู้นามธรรม โดยให้นักเรียนมองรูปที่อยู่ในโปรแกรม และบอกได้ว่า มันคือรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดใด
          4.2 จัดเตรียมสถานที่
                   ห้องเรียนต้องเป็นห้องเรียนโปร่งแสง อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพของนักเรียน ไฟในห้องต้องมีความสว่างมากเพียงพอเพื่อการมองเห็นที่ดีของนักเรียน และ Projector ต้องมีความคมชัด เพื่อให้นักเรียนสามารถมองเห็นสื่อทางเทคโนโลยีได้อย่างชัดเจน
          4.3 เตรียมผู้เรียน
                   ครูต้องมีการชี้แจงให้กับนักเรียนได้ทราบก่อนถึงเนื้อหาที่จะเรียนกับในคาบนี้ และบอกวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้ของเนื้อหานั้นๆ เพื่อให้นักเรียนสามรถเข้าถึงแก่นแท้ของเนื้อหาสาระที่คุณครูต้องการมอบให้กับนักเรียน
          4.4 ควบคุมชั้นเรียน
                   ครูจะต้องมีการเตรียมตัว และเตรียมเนื้อหา/สื่อที่จะสอนให้กับนักเรียน โดยที่การเรียนการสอนนั้น ครูจะต้องเป็นผู้ดำเนินรายการ และต้องมีเทคนิคที่ทำให้นักเรียนไม่เบื่อ เวลาครูทำการสอน ต้องหาสิ่งเร้าให้นักเรียนสนใจในการทำกิจกรรม ซึ่งการใช้สื่อรูปธรรมนั้น ก็เป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้เป็นอย่างดี

5. Require Learner Response (กำหนดการตอบสนองของผู้เรียน)
          สิ่งที่ครูคาดหวังในการสอนครั้งนี้คือ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ มีอยากรู้อยากเห็น เมื่อครูถามคำถาม นักเรียนแย่งกันตอบ และตอบได้ถูกต้องร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อผู้เรียนตอบถูกก็จะมีการเอ่ยปากชื่นชม เพื่อให้ผู้เรียนได้มีกำลังใจที่จะศึกษาเล่าเรียนและมีความรักในวิชาคณิตศาสตร์

6. Evaluation (ประเมินผล)
          การประเมินผล จะเป็นการประเมินผลตามสภาพจริง ซึ่งครูจะเป็นผู้ประเมินผู้เรียน ในด้านความรู้ความสามารถ และทักษะในด้านต่างๆ โดยผ่านกระบวนการ การสังเกตการบันทึก และวิธีการทำงานของผู้เรียนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติงานจริง ตามเหตุการณ์ สภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน ซึ่งในที่นี้จะเป็นการใช้สื่อของจริง โดยจะประเมินว่าผู้เรียนสามารถเข้าใจในลักษณะของรูปทรงเรขาคณิตสามมิติอย่างไร และเขาจะสามารถอธิบายออกมาได้หรือไม่

ความคิดเห็น